การประมาณการกําไรสุทธิ (ภ.ง.ด.51)

การประมาณการกําไรสุทธิ (ภ.ง.ด.51)

ประมาณการกําไรสุทธิ

          ประมาณการกําไรสุทธิ คือ  การกำหนดประมาณการผลประกอบกิจการในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นก่อนสิ้นสุดรอบบัญชี ควรทำโดยผู้รับผิดชอบในการจัดทำประมาณการกำไรสุทธิ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการจัดทำเอกสารแบบภ.ง.ด.51 และนำมายื่นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมชำระภาษีเงินได้ตามประมาณการกำไรสุทธิที่ได้คาดการณ์ไว้ในระหว่างครึ่งปีของรอบบัญชีนั้นๆ

เหตุผลที่ต้องมีประมาณการกําไรสุทธิ

  • เพื่อกระตุ้นความเป็นธรรมในกระบวนการเก็บภาษีเงินได้ทั้งในนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา

  • เพื่อลดภาระภาษีเงินได้ที่นิติบุคคลต้องชำระในแต่ละปีลงลึกลงกลั่น

  • เพื่อส่งเสริมความกระตือรือร้นในการชำระภาษีและสนับสนุนความรับผิดชอบต่อการเสียภาษี

  • เพื่อเสริมสร้างความเร็วและความเป็นประสิทธิภาพในกระบวนการเก็บรายได้จากภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล

ผู้มีหน้าที่ประมาณการกำไรสุทธิ

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิสามารถเข้าเป็นเงื่อนไขต่อไปนี้:

  1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ก่อตั้งตามกฎหมายไทย ไม่ว่าจะมีกิจการประเภทใด หรือที่อยู่ตั้งอยู่ที่ใด

  2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนตามกฎหมายของประเทศอื่น ๆ และมีการดำเนินกิจการในประเทศไทยโดยไม่เกี่ยวข้องกับการขนส่งระหว่างประเทศ

  3. กิจการที่ดำเนินการในการค้าหรือทำกำไรจากองค์การของรัฐบาลต่างประเทศหรือนิติบุคคลที่ก่อตั้งตามกฎหมายของประเทศอื่น ๆ และมีการดำเนินกิจการในประเทศไทยโดยไม่เกี่ยวข้องกับการขนส่งระหว่างประเทศ

  4. กิจการร่วมค้า (Joint Venture)

รอบระยะเวลาบัญชีที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.51

รอบระยะเวลาบัญชีที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.51
รอบระยะเวลาบัญชีที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.51
รอบระยะเวลายื่นแบบ ภ.ง.ด.51
รอบระยะเวลายื่นแบบ ภ.ง.ด.51

การจัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลควรพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  1. มาตรา 38 แห่งประมวลรัษฎากร
  2. มาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร
  • รายได้จากความหมายของ ‘กำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิทางภาษีอากร’
  • รอบระยะเวลาบัญชี (ดูมาตรา 72 และมาตรา 73 ประกอบ)
    ประเภทรายได้ทางภาษีอากร
     กิจการและ
     รายได้เนื่องจากกิจการ
  • เกณฑ์รับรู้รายได้ – รายจ่ายทางภาษีอากร
  1. มาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร
    • เงื่อนไขเกี่ยวกับรายได้ (ม.65 (4)(10)(11)(12)(14))
    • เงื่อนไขเกี่ยวกับรายจ่าย (ม.65 (1)(2)(7)(8)(9))
    • หลักเกณฑ์ในการตีราคาทรัพย์สินและหนี้สินเพื่อการคำนวณรายได้และรายจ่าย (ม.65 (3)(5)(6))
  2. มาตรา 65 ตรรก แห่งประมวลรัษฎากร
    • รายจ่ายต้องห้ามโดยแท้ (ม.65 ตรรก (1)(2)(3)(5)(6 ทวิ)(9)(10)(11) (12)(13)(14)(16))
    • รายจ่ายต้องห้ามโดยผลของกฎหมาย (ม.65 ทวิ (2)(4)(6)(7)(8)(9) (12)(15)(17)(18)(19)(20))
    • รายจ่ายที่กฎหมายยอมให้ถือเป็นรายจ่ายได้ (Deductible Exp.)

  3. มาตรา 67 แห่งประมวลรัษฎากร

  4. มาตรา 67 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
    • เฉพาะบริษัทหรือห้างหุ้นสวนนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสีย CIT จากฐานกำไรสุทธิเท่านั้น

  5. มาตรา 67 ตรรก แห่งประมวลรัษฎากร”

รู้ก่อนยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ลดค่าปรับเงินเพิ่ม

วิธีการประมาณการกําไรสุทธิ

ขั้นตอนที่ 1

         การประมาณการโดยนำผลการประกอบกิจการจริงของ 6 เดือนแรกมาบวกกับการประมาณผลประกอบการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนถัดไป โดยใช้ข้อมูลที่คาดการณ์จากเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ และแบ่งพิจารณาเป็น 2 ด้านหลัก คือ

  1. ด้านรายได้ซึ่งประกอบด้วย รายได้โดยตรงและรายได้ทางอื่น เช่น กำไรจากการขายทรัพย์สิน และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น

  2. ด้านรายจ่ายซึ่งประกอบด้วย ต้นทุนการขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงรายจ่ายทางอื่น เช่น ขาดทุนจากการขายทรัพย์สิน และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น

สำหรับรายจ่ายที่ต้องห้ามพิจารณา เนื่องจากไม่สามารถรวมเข้าไปในการคำนวณรายจ่ายในการประมาณกำไรสุทธิได้เช่นเดียวกับกรณีที่ยื่นแบบภ.ง.ด.50

ตารางการจัดทำประมาณการกำไรสุทธิที่เหมาะสม
ตารางการจัดทำประมาณการกำไรสุทธิที่เหมาะสม
ตารางการจัดทำประมาณการกำไรสุทธิที่เหมาะสม
ตารางการจัดทำประมาณการกำไรสุทธิที่เหมาะสม
ตารางการจัดทำประมาณการกำไรสุทธิที่เหมาะสม
ขั้นตอนที่ 2

          นำการประมาณการกำไรสุทธิตามขั้นตอนที่ 2 มาคำนวณเพื่อยื่นแบบภ.ง.ด.51 และตรวจสอบว่าจำนวนภาษีที่คำนวณได้ (รายการที่ 1 ข้อ 4) ตามแบบ ภ.ง.ด.51 มีค่าไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของภาษีที่คำนวณได้ (รายการที่ 2 ข้อ 2) ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนหน้า โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.50/2537 ลว. 31 ส.ค.2537 ซึ่งได้มีการแก้ไขและเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.152/2558 หากมีการลดอัตราภาษีในปีที่ทำการประมาณการ จะต้องพิจารณาตามข้อกำหนดของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.51/2537 ลว. 31 ส.ค.2537 ด้วย

ตารางประมาณการกําไรสุทธิ
ตารางประมาณการกําไรสุทธิ
ประมาณการกำไรสุทธิ
ประมาณการกำไรสุทธิ
ประมาณการกำไรสุทธิครึ่งปี ไม่ให้พลาด
ประมาณการกำไรสุทธิครึ่งปี ไม่ให้พลาด

ค่าปรับประมาณการกําไรสุทธิคลาดเคลื่อน

          ตามมาตรา 67 ข้อตรีนี้ หากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทั้งแบบ (1) หรือในกรณีที่ยื่นแต่รายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (1) โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิที่ขาดไปเกิน 25% ของกำไรสุทธิที่ได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นๆโดยไม่มีเหตุอันสมควร บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องชำระเงินเพิ่มอีก 20% ของจำนวนเงินภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (1) หรือ 50% ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นหรือภาษีที่ชำระขาด และในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (2) หรือยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (2) ไว้ไม่ถูกต้องโดยไม่มีเหตุอันสมควรทำให้จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายขาดไป บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องชำระเงินเพิ่มอีก 20% ของจำนวนเงินภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (2) หรือภาษีที่ชำระขาด โดยมูลค่าเพิ่มดังกล่าวถือเป็นภาษี และอาจลดลงได้ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.81/2542ฯ

ข้อผ่อนปรนกรณีประมาณการกําไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25

       คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.50/2537 เรื่อง “แนวทางการพิจารณา ‘เหตุอันสมควร’ ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว หรือในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำหรือจะกระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นไม่น้อยกว่ากำไรสุทธิที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว แต่ยังยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาที่แล้วเนื่องจากได้รับยกเว้นหรือลดอัตราภาษี” ได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.152/2558 ซึ่งกำหนดให้ใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป โดยมีข้อกำหนดดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นกรณีมีเหตุอันสมควร:

1) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ทำการประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาที่แล้ว

2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ทำการประมาณการกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำหรือจะกระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นไม่น้อยกว่ากำไรสุทธิที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาที่แล้ว แต่ยังยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาที่แล้วเนื่องจากได้รับยกเว้นหรือลดอัตราภาษี

  • เหตุอันสมควรอื่นตามที่กรมสรรพากรกําหนด (ผู้เสียภาษีอากรทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงที่ทําให้ประมาณการกําไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกําไรสุทธิซึ่งได้จากการประกอบกิจการ)
  • คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.81/2542 ฯ กรณีลดเงินเพิ่ม (ผู้เสียภาษีอากรต้องทำคำร้องยืนต่อกรมสรรพากร)

ผู้เสียภาษีอากรต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 อย่างไร?

          การประกอบกิจการทั่วไปและกิจการที่ได้รับสิทธิ์การส่งเสริมการลงทุน (BOI) ควรยื่นแบบภ.ง.ด.51 แบบเดียวกัน และคำนวณกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับสิทธิ์การส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยลดออกจากรายการที่ 2 (5) เพื่อให้ได้ยอดกำไรสุทธิที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ครึ่งปี

*** สำหรับกิจการทั่วไปและกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น ROH ควรยื่นแบบภ.ง.ด.51 โดยแยกตามรายการกิจการต่าง ๆ

ช่องทางการยื่นแบบ ภ.ง.ด.51

– ยื่นทางอินเทอร์เน็ต www.rd.go.th

ช่องทางการชำระภาษี

ช่องทางการชำระภาษี​

          สำนักงานบัญชีมีบทบาทสำคัญในการบริหารการเงินและบัญชีของธุรกิจ ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่และบทบาทของสำนักงานบัญชีช่วยให้คุณเข้าใจว่าทำไมคุณควรจ้างบริการบัญชีจากเอซีซี คอนซัลติ้ง จำกัด เพื่อการบริหารการเงินของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ. ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ เรามีทีมงานคุณภาพที่พร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกขั้นตอนของการบริหารการเงินของคุณ.

       สามารถติดต่อบริษัทของเราได้ตามช่องทางด้านล่างได้เลยนะค่ะ 

         ✅ โทร 📞 02-114-7715
         ✅ Web 🌐 https://www.accconsultingservice.com/
         ✅ Inbox 📩 http://m.me/100581915340875
         ✅ Line 📱 https://lin.ee/PhD3G7F
         ✅ Mail 📧 [email protected]
Facebook
Twitter
Pinterest

ความรู้/ข่าวสารที่คุณอาจสนใจ

สรรพากรตรวจย้อนหลังได้กี่ปี

ภาษีย้อนหลังบุคคลธรรมดา สรรพากรตรวจย้อนหลังได้กี่ปี?

🤔 ภาษีย้อนหลังคืออะไร? ภาษีย้อนหลัง หมายถึง กรณีที่สรรพากรตรวจพบว่า บุคคลธรรมดา ยื่นแบบภาษีไม่ถูกต้อง หรือไม่ยื่นแบบเลยในปีภาษีที่ผ่านมา สรรพากรจะมีสิทธิ ประเมินและเรียกเก็บภาษีย้อ

อ่านต่อ »
CFO รายวัน (Daily CFO Service)

บริการเช่า CFO รายวัน (Daily CFO Service)วางแผนการเงินธุรกิจอย่างมืออาชีพ โดยไม่ต้องจ้างประจำ

💼 CFO รายวัน คืออะไร?           CFO (Chief Financial Officer) คือผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลการเงินของบริษัท ตั้งแต่วางแผนกลยุทธ์ด้านงบประมาณ การเงิน การลงทุน ไปจนถึงการควบคุมต้นทุน  

อ่านต่อ »
ธุรกิจขายของออนไลน์ ต้องรู้เรื่องบัญชี–ภาษีอะไรบ้าง

ภาษีธุรกิจขายของออนไลน์

🛒 ธุรกิจขายของออนไลน์ ต้องรู้เรื่องบัญชี–ภาษีอะไรบ้าง?         ขายผ่าน TikTok, Facebook, IG, Shopee, Lazada แบบไหนต้องยื่นภาษี? 📌 ขายของออนไลน์ ถือเป็น “รายได้” ที่ต้อง

อ่านต่อ »

By clicking “Accept”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts. Privacy Policy

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า