Keyman insurance and tax

ประกัน Keyman VS ประเด็นภาษี

KEYMAN หมายความว่าอย่างไร ?

          KEYMAN คือบุคคลที่มีบทบาทสำคัญและเป็นหัวเรือหลักในธุรกิจ ถ้าหาก KEYMAN นี้หายไปหรือไม่สามารถทำงานต่อได้ ธุรกิจอาจพบปัญหาและความเสี่ยงทางธุรกิจจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนที่ KEYMAN ได้ในขณะที่เขาไม่อยู่ในธุรกิจ

ประกัน Keyman (Keyman Insurance) คืออะไร ?

          ประกัน Keyman (Keyman Insurance) เป็นประกันที่บริษัทซื้อให้กับชีวิตหรือสุขภาพของบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในธุรกิจหรือองค์กร บุคคลที่ได้รับประกัน Keyman มักจะเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจหรือผู้บริหารสูงสุดที่มีผลสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ เมื่อบุคคลดังกล่าวถึงแก่ความสูญเสีย (เช่น การเสียชีวิตหรือการป่วย) บริษัทจะได้รับการชดเชยทางการเงินเพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความเสถียรในธุรกิจในกรณีที่สูญเสียผู้นี้ไปแล้ว

ประกัน KEYMAN มีประโยชน์อย่างไร?

          การประกัน KEYMAN เป็นยุทธศาสตร์ทางการเงินที่มีประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยงและรักษาความมั่นคงของธุรกิจในกรณีที่คนสำคัญในกิจการหายไปหรือไม่สามารถทำงานต่อได้ เรามาพิจารณาประโยชน์ของประกัน KEYMAN ได้อย่างละเอียด:

  1. ความมั่นคงของธุรกิจ: หากคนที่มีบทบาทสำคัญในธุรกิจ (KEYMAN) ไม่สามารถทำงานต่อได้เนื่องจากสาเหตุใด ๆ เช่นการเสียชีวิตหรือการป่วยร้าย ธุรกิจมีความเสี่ยงทางการณ์ที่ร้ายแรง เนื่องจากไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนที่ KEYMAN ได้ในขณะที่เขาไม่อยู่ในธุรกิจ การประกัน KEYMAN ช่วยในการชดเชยทางการเงินเพื่อให้ธุรกิจมีเวลาในการปรับตัวหรือหาคนทดแทน KEYMAN ได้.
  2. เงินก้อนสำรอง: การประกัน KEYMAN ช่วยสร้างเงินก้อนสำรองให้กับธุรกิจหรือคนในครอบครัวของ KEYMAN ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับ KEYMAN ทำให้รายได้ลดลง นอกจากนี้ เงินก้อนสำรองนี้สามารถนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่คนสำคัญไม่อยู่ในธุรกิจ.
  3. แรงจูงใจและสวัสดิการ: การประกัน KEYMAN สามารถเป็นแรงจูงใจและสวัสดิการสำหรับ KEYMAN และบุคคลสำคัญในธุรกิจ เนื่องจากเงินเอาประกันที่ได้รับสามารถนำไปใช้เพื่อสะสมทรัพย์หรือเป็นสวัสดิการเงินที่ KEYMAN ได้รับหลังจากสิ้นสัญญาประกัน นี้ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและแรงจูงใจในการทำงาน.
  4. ทางเลือกบริหารภาษี: การประกัน KEYMAN สามารถช่วยบริษัทลดภาษีนิติบุคคล โดยเบี้ยประกันที่บริษัทจ่ายไปถือเป็นค่าใช้จ่ายกิจการ ซึ่งลดกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษีนิติบุคคล และเช่นเดียวกัน การรับเงินคืนหรือเงินครบสัญญาจากประกันที่มีรายได้จะได้รับยกเว้นภาษี เมื่อ KEYMAN ได้รับเงินนี้จะถือเป็นรายได้รับภาษีนิติบุคคล
ประกันส่วนตัว VS ประกันKeyMAN
ประกันส่วนตัว VS ประกันKeyMAN

ประกัน Keyman ประเด็นภาษี

          เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสรรพกร การประกัน KEYMAN ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและประมวลรัษฎากรที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หากบริษัทต้องการให้ประโยชน์จากเงินก้อนเบี้ยประกันและลดภาระภาษีนิติบุคคล จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กฎหมายระบุไว้ ดังนี้:

  1. เบี้ยประกันที่จ่ายต้องมีความเหมาะสม  บริษัทต้องชำระเบี้ยประกันไม่เกิน 5% ของรายได้ทั้งปีหรือไม่ควรเกิน 20% ของกำไรสุทธิ ขึ้นอยู่กับยอดใดน้อยกว่า เช่น ถ้าบริษัทมีรายได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปีและกำไรประมาณ 2 ล้านบาท คำนวณกันตามเกณฑ์นี้ ร้อยละ 5 ของรายได้จะเป็น 500,000 บาท และ ร้อยละ 20 ของกำไรจะเป็น 400,000 บาท ดังนั้น บริษัทควรทำประกัน KEYMAN ให้กับกรรมการทุกคน โดยจ่ายเบี้ยประกันรวมกันไม่เกิน 400,000 บาทต่อปี
  2. ผู้เอาประกัน (KeyMan) ต้องเท่าเทียม 
    –  ในการกำหนดระดับผู้บริหารและผู้จัดการฝ่ายในบริษัท ควรให้ครบทุกคนที่อยู่ในระดับเดียวกันเป็นการเท่าเทียม โดยไม่จำเป็นต้องมีทุนประกันและเบี้ยประกันเท่ากัน นั่นเป็นเพราะความสำคัญของแต่ละบุคคลแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาอายุและเพศด้วย
    –  ในกรณีของระดับกรรมการ เราควรให้สิทธิและสภาพการจัดการเท่าเทียมกันสำหรับทุกคนตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท การทำให้บางบุคคลได้รับสิทธิโดยการพิจารณาเป็นค่าใช้จ่ายจะต้องห้ามทันที
         ข้อหารือประเด็นภาษีกับทางสรรพกร
เลขที่หนังสือ: กค 0706/6949
วันที่: 17 สิงหาคม 2549
เรื่อง: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีกรรมการบริหารกระทำการแทนนิติบุคคลในการซื้อประกันชีวิตเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคล
ข้อกฎหมาย:
ข้อหารือ

       บริษัทฯ ได้ออกกรมธรรม์แบบใหม่ที่จะให้ความคุ้มครองบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (“นิติบุคคล”) ที่มีภาระหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งบริษัทฯ ในฐานะเป็นบริษัทประกันชีวิต ไม่สามารถเอาประกันชีวิตกับนิติบุคคลได้ บริษัทฯ จึงแนะนำให้นิติบุคคลคัดเลือกกรรมการหรือผู้บริหารที่เป็นผู้บริหารสำคัญขององค์กรกระทำการเอาประกันชีวิตแทนในนามนิติบุคคล และกำหนดให้ที่ประชุมกรรมการมีมติให้กรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวกระทำการแทนนิติบุคคลในการซื้อประกันชีวิตเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคล ซึ่งกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวจะถูกระบุให้เป็นผู้เอาประกันชีวิตในสัญญาประกันชีวิตในฐานะตัวแทนนิติบุคคล ทั้งนี้ นิติบุคคลจะเป็นผู้สมัครเอาประกันชีวิตและชำระเบี้ยประกันชีวิต และหากผู้เอาประกันเสียชีวิตในระหว่างที่สัญญาประกันชีวิตยังมีผลบังคับ บริษัทฯ จะต้องจ่ายเงินเอาประกันชีวิตให้กับธนาคารผู้ปล่อยสินเชื่อเพื่อชำระหนี้แทนนิติบุคคลเป็นลำดับแรก และหากมีเงินเอาประกันชีวิตหลังชำระหนี้สินแทนนิติบุคคลเหลืออยู่ บริษัทฯ ต้องจ่ายผลประโยชน์ที่เหลือดังกล่าวให้แก่นิติบุคคลทั้งหมด เนื่องจากลักษณะการคุ้มครองชีวิตเพื่อชำระหนี้สินของนิติบุคคลดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าการเอาประกันชีวิตมีมูลค่าสูงกว่าภาวะปกติสำหรับการเอาประกันชีวิตในรูปแบบของบุคคลธรรมดา โดยหนี้สินที่ได้รับความคุ้มครองอาจมีมูลค่าสูงถึง 200 – 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่สอดคล้องกับมูลค่าหนี้สินที่นิติบุคคลมีอยู่กับธนาคาร ระดับความคุ้มครองดังกล่าวมิใช่ระดับความคุ้มครองที่ปรากฏเป็นปกติของการเอาประกันชีวิตแบบทั่วไปสำหรับบุคคลธรรมดา บริษัทฯ จึงขอทราบว่า

       1. กรณีนิติบุคคลตกลงจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตเพื่อประกันชีวิตกรรมการหรือผู้บริหารเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของนิติบุคคล นิติบุคคลมีสิทธินำค่าเบี้ยประกันชีวิตดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้หรือไม่ อย่างไร

       2. กรณีกรรมการหรือผู้บริหารของนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้เอาประกันชีวิตแทนนิติบุคคลตามมติที่ประชุม และไม่มีผลประโยชน์จากค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ กรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวต้องนำค่าเบี้ยประกันชีวิตที่นิติบุคคลชำระให้แก่บริษัทฯ มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ อย่างไร

       3. กรณีค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการเสียชีวิตของกรรมการหรือผู้บริหารที่บริษัทฯ จ่ายให้แก่ธนาคารผู้ปล่อยสินเชื่อเพื่อชำระหนี้แทนนิติบุคคล ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวถือเป็นการชำระหนี้ตามการค้าปกติของธนาคารหรือไม่ อย่างไร

        4. กรณีค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการเสียชีวิตของกรรมการหรือผู้บริหารที่บริษัทฯ จ่ายให้แก่ธนาคารผู้ปล่อยสินเชื่อเพื่อชำระหนี้แทนนิติบุคคล และส่วนที่จ่ายโดยตรงให้นิติบุคคล (ถ้ามี) ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวถือเป็นรายได้ของนิติบุคคลที่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือไม่ อย่างไร

แนววินิจฉัย

       1. กรณีตาม 1. บริษัทฯ ได้ออกกรมธรรม์เพื่อคุ้มครองนิติบุคคลซึ่งมีภาระหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ และเพื่อให้นิติบุคคลสามารถชำระหนี้ธนาคารพาณิชย์ได้ภายในกำหนดเวลา นิติบุคคลจึงต้องมีกรรมการหรือผู้บริหารที่มีความรู้ ความชำนาญในการบริหารงานของนิติบุคคล ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงของนิติบุคคล บริษัทฯ จึงให้นิติบุคคลคัดเลือกกรรมการหรือผู้บริหารสำคัญเพื่อเป็นผู้เอาประกันชีวิตแทนนิติบุคคล โดยนิติบุคคลตกลงจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันชีวิตเพื่อประกันชีวิตกรรมการหรือผู้บริหารตามมติที่ประชุมกรรมการเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทฯ การจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันดังกล่าวจึงเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะและไม่ใช่รายจ่ายที่มีลักษณะเป็นการส่วนตัวหรือการให้โดยเสน่หา นิติบุคคลฯ จึงมีสิทธินำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) และ(13) แห่งประมวลรัษฎากร

       2. กรณีตาม 2. เนื่องจากนิติบุคคลมิได้เป็นผู้เอาประกันชีวิต หากแต่เป็นกรณีกรรมการหรือผู้บริหารของนิติบุคคลเป็นผู้เอาประกันชีวิตตามมติที่ประชุมของนิติบุคคล โดยนิติบุคคลตกลงจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันชีวิตแทนกรรมการหรือผู้บริหาร และธนาคารผู้ให้สินเชื่อและนิติบุคคลเป็นผู้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ ค่าเบี้ยประกันชีวิตที่นิติบุคคลจ่ายแทนกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นประโยชน์ใด ๆ อันเนื่องจากการจ้างแรงงานหรือเนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ตามมาตรา 40(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร กรรมการหรือผู้บริหารจึงต้องนำค่าเบี้ยประกันชีวิตไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 48(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร

       3. กรณีตาม 3. บริษัทฯ จ่ายเงินผลประโยชน์จากกรมธรรม์อันเนื่องจากการเสียชีวิตของกรรมการและผู้บริหารของนิติบุคคลให้แก่ธนาคารผู้ให้สินเชื่อ กรณีดังกล่าวจะถือว่าเป็นการชำระหนี้ของนิติบุคคลที่มีต่อธนาคารผู้ให้สินเชื่อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างธนาคารผู้ให้สินเชื่อและนิติบุคคล

        4. กรณีตาม 4. บริษัทฯ ตกลงจ่ายเงินผลประโยชน์จากกรมธรรม์อันเนื่องจากการเสียชีวิตของกรรมการและผู้บริหารของนิติบุคคลให้แก่ธนาคารผู้ให้สินเชื่อเพื่อชำระหนี้แทนนิติบุคคล และหากเงินผลประโยชน์เหลืออยู่ บริษัทฯ ตกลงจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่นิติบุคคล ผลประโยชน์ที่ธนาคารผู้ให้สินเชื่อและนิติบุคคลได้รับตามกรมธรรม์ดังกล่าวถือเป็นรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ธนาคารผู้ให้สินเชื่อและนิติบุคคลต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้:69/34432
เลขที่หนังสือ: กค 0702/9358
วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552
เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีบริษัทจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้กรรมการ
ข้อกฎหมาย: มาตรา 40(1)(2) มาตรา 42(13) มาตรา 48(1) และมาตรา 65 ตรี (3)(13) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ          บริษัทฯ มีโครงการประกันชีวิตให้แก่กรรมการ โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันชีวิตแทนกรรมการ ซึ่งจะ กำหนดเงื่อนไขในการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้กับกรรมการทุกคนเป็นการทั่วไปตามระเบียบมติที่ประชุมของบริษัทฯ มีกำหนด ระยะเวลาชำระเบี้ยประกัน 7 ปี ระยะเวลาความคุ้มครอง 14 ปี มีเงินจ่ายคืนตามสัญญาทุกปี และตามกรมธรรม์ผู้เอาประกัน คือ กรรมการ ส่วนผู้รับประโยชน์ คือ บริษัทฯ หรือครอบครัวหรือทายาทของกรรมการ จึงขอทราบว่า
          1. เบี้ยประกันชีวิตที่ออกให้กรรมการ หักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ได้หรือไม่
          2. เงินค่าสินไหมทดแทนกรณีการสูญเสียชีวิตของกรรมการ ถ้าครอบครัวหรือทายาทเป็นผู้รับประโยชน์ จะมีภาระ ภาษีอย่างใด
แนววินิจฉัย          1. กรณีตาม 1. เบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทฯ จ่ายแทนกรรมการตามระเบียบและมติที่ประชุมของบริษัทฯ หากเป็น กรณีที่บริษัทฯ ต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้กรรมการทุกคนเป็นการทั่วไปตามระเบียบและมติที่ประชุมของบริษัทฯ เพื่อผล ประโยชน์ของบริษัทฯ แล้ว การจ่ายเบี้ยประกันชีวิตดังกล่าว จึงเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ และ ไม่ใช่รายจ่ายที่มีลักษณะเป็นการส่วนตัวหรือการให้โดยเสน่หา บริษัทฯ มีสิทธินำเบี้ยประกันชีวิตที่ออกให้นั้น มาถือเป็น รายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) และ (13) แห่งประมวลรัษฎากร
          ทั้งนี้ เงินค่าเบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทฯ จ่ายแทนกรรมการ เข้าลักษณะเป็นประโยชน์เพิ่มที่กรรมการได้รับ ถือเป็น เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) หรือ (2) แห่งประมวลรัษฎากรแล้วแต่กรณี ซึ่งกรรมการต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 48(1) แห่งประมวลรัษฎากร
          2. กรณีตาม 2. เงินสินไหมทดแทนกรณีการสูญเสียชีวิตของกรรมการที่ครอบครัวหรือทายาทเป็นผู้รับประโยชน์ ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดหรือเงินได้จากการประกันภัยเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 42(13) แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้: 72/36988

          สำนักงานบัญชีมีบทบาทสำคัญในการบริหารการเงินและบัญชีของธุรกิจ ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่และบทบาทของสำนักงานบัญชีช่วยให้คุณเข้าใจว่าทำไมคุณควรจ้างบริการบัญชีจากเอซีซี คอนซัลติ้ง จำกัด เพื่อการบริหารการเงินของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ. ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ เรามีทีมงานคุณภาพที่พร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกขั้นตอนของการบริหารการเงินของคุณ.

       สามารถติดต่อบริษัทของเราได้ตามช่องทางด้านล่างได้เลยนะค่ะ 

         ✅ โทร 📞 02-114-7715
         ✅ Web 🌐 https://www.accconsultingservice.com/
         ✅ Inbox 📩 http://m.me/100581915340875
         ✅ Line 📱 https://lin.ee/PhD3G7F
         ✅ Mail 📧 [email protected]
Facebook
Twitter
Pinterest

ความรู้/ข่าวสารที่คุณอาจสนใจ

สรรพากรตรวจย้อนหลังได้กี่ปี

ภาษีย้อนหลังบุคคลธรรมดา สรรพากรตรวจย้อนหลังได้กี่ปี?

🤔 ภาษีย้อนหลังคืออะไร? ภาษีย้อนหลัง หมายถึง กรณีที่สรรพากรตรวจพบว่า บุคคลธรรมดา ยื่นแบบภาษีไม่ถูกต้อง หรือไม่ยื่นแบบเลยในปีภาษีที่ผ่านมา สรรพากรจะมีสิทธิ ประเมินและเรียกเก็บภาษีย้อ

อ่านต่อ »
CFO รายวัน (Daily CFO Service)

บริการเช่า CFO รายวัน (Daily CFO Service)วางแผนการเงินธุรกิจอย่างมืออาชีพ โดยไม่ต้องจ้างประจำ

💼 CFO รายวัน คืออะไร?           CFO (Chief Financial Officer) คือผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลการเงินของบริษัท ตั้งแต่วางแผนกลยุทธ์ด้านงบประมาณ การเงิน การลงทุน ไปจนถึงการควบคุมต้นทุน  

อ่านต่อ »
ธุรกิจขายของออนไลน์ ต้องรู้เรื่องบัญชี–ภาษีอะไรบ้าง

ภาษีธุรกิจขายของออนไลน์

🛒 ธุรกิจขายของออนไลน์ ต้องรู้เรื่องบัญชี–ภาษีอะไรบ้าง?         ขายผ่าน TikTok, Facebook, IG, Shopee, Lazada แบบไหนต้องยื่นภาษี? 📌 ขายของออนไลน์ ถือเป็น “รายได้” ที่ต้อง

อ่านต่อ »

By clicking “Accept”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts. Privacy Policy

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า