แนวทางปฏิบัติ กรณีการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิสินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก
กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบและแนะนำการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิ สินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้า ที่หมดอายุ และเศษซาก กรมสรรพากรจึงมีคำสั่งที่ ป. 79/2541 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ดังต่อไปนี้
(1) ของเสียตามปกติ หมายถึงของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กรรมวิธีการผลิต ซึ่งได้มีการกำหนดอัตราของเสียที่ถือว่าเป็นอัตราปกติของกรรมวิธีการผลิต
(2) ของเสียเกินปกติ หมายถึงของเสียที่เกิดขึ้นมากกว่าอัตราปกติที่ได้กำหนดไว้ในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
(3) เศษซาก หมายถึงเศษวัตถุที่เกิดจากกระบวนการผลิตบางประเภทซึ่งมีมูลค่ากลับคืนที่อาจวัดได้ แต่มีจำนวนน้อย
ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการทำลายของเสีย
เลขที่หนังสือ : กค 0706/5525
วันที่ : 4 มิถุนายน 2550
เรื่อง : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการทำลายของเสีย
ข้อกฎหมาย : มาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ :
1. บริษัท บ. จำกัด ประกอบกิจการขายส่งเวชภัณฑ์ยา แจ้งให้สำนักงานสรรพากรพื้นที่ เข้าร่วมเป็นพยานใน
การทำลายสินค้า (เวชภัณฑ์) ของเดือนพฤศจิกายน 2548 ถึงเดือนมกราคม 2549 มูลค่ารวม 3,146,187.16 บาท
ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับคืนจากลูกค้าเนื่องจากเสื่อมสภาพ มีตำหนิ หมดอายุ หรือหมดสมัยนิยม และได้ผ่านการ
ตรวจสอบโดยเภสัชกรประจำบริษัทฯ ว่าไม่สามารถนำมาจำหน่ายได้อีก บริษัทฯ ได้ตั้งคณะกรรมการจากฝ่ายการ
ตลาด ฝ่ายบัญชี ฝ่ายประกันคุณภาพและแผนกคลังสินค้า เพื่อรับรองปริมาณและมูลค่าของสินค้าที่เสื่อมสภาพ
2. สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ได้แจ้งให้บริษัทฯ ดำเนินการโดยต้องมีบุคคลอย่างน้อยประกอบด้วยฝ่ายคลังสินค้า
ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขายหรือฝ่ายตรวจสอบ (ถ้ามี) เข้าร่วมสังเกตการณ์ และลงลายมือชื่อเป็นพยานในการทำลาย
เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชีพร้อมทั้งเชิญผู้สอบบัญชีเข้าเป็นพยานในการทำลาย ทั้งนี้ เมื่อดำเนิน
การทำลายแล้วเสร็จให้บริษัทฯ ส่งรายงานการประชุมหรือการอนุมัติให้ทำลายสินค้าโดยมีผู้มีอำนาจ รายละเอียด
ที่ได้ทำลายจริงโดยมีบุคคลอย่างน้อยตามที่กล่าวข้างต้นและผู้สอบบัญชีที่ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์และได้ลง
ลายมือชื่อไว้เป็นพยาน พร้อมแจ้งให้ทราบด้วยว่า ได้ทำลายสินค้าดังกล่าวด้วยวิธีการใด เศษซากหรือสินค้าที่
ทำลายแล้วนั้นจะนำไปใช้หรือจำหน่าย ได้หรือไม่ อย่างไร
3. เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีสถานที่และเครื่องมือทำลายสินค้าจึงได้ว่าจ้างบริษัท ก. จำกัด ทำลายสินค้าด้วยวิธี
บดทับแล้วฝังกลบ หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้มีหนังสือ 2 ฉบับ รายงานการทำลายสินค้าเพิ่มเติมต่อสำนักงานสรรพากร
โดยมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานแต่ไม่ได้แจ้งมูลค่าสินค้าที่ทำลายจริง และไม่ได้แจ้งว่าเศษซากสามารถนำไปใช้หรือ
จำหน่ายหรือไม่
(1) การทำลายสินค้าดังกล่าว บริษัทฯ สามารถนำมาถือเป็นรายจ่าย ได้หรือไม่อย่างไร
(2) ถ้าถือว่าเป็นรายจ่ายได้ให้ถือมูลค่าตามที่บริษัทฯ แจ้งการทำลายต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ ก่อนการทำลาย
ใช่หรือไม่ เนื่องจากภายหลังการทำลายแล้วไม่มีการแจ้งมูลค่าที่ได้ทำลายจริงเพื่อทราบ
แนววินิจฉัย :
กรณีบริษัท บ. จำกัด ประกอบกิจการขายส่งเวชภัณฑ์ยา ได้รับคืนสินค้าเวชภัณฑ์ยาจากลูกค้า
ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่สามารถจำหน่ายได้ บริษัทฯ จึงมีหนังสือแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสรรพากรพื้นที่ เข้าร่วม
เป็นพยานในการทำลายสินค้า กรณีในวันทำลายสินค้าไม่มีผู้สอบบัญชีหรือผู้แทนมาเป็นพยานรับรองการทำลาย
สินค้าเนื่องจากบริษัทฯ ได้เปลี่ยนผู้สอบบัญชีใหม่ ณ วันที่ทำลายสินค้า และบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งมูลค่าที่ทำลายจริง
และไม่ได้แจ้งว่าเศษซากสวามารถนำไปใช้หรือจำหน่ายนั้น เนื่องจากคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.79/2541ฯ
ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2541 เป็นเพียงคำสั่งที่กำหนดให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวปฏิบัติใน
การตรวจสอบ และแนะนำการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการทำลายของเสียเท่านั้น ดังนั้น หากบริษัทฯ มี
เอกสารและหลักฐานที่ชัดแจ้งสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการทำลายสินค้าดังกล่าวจริง บริษัทฯ จึงมีสิทธินำมาถือเป็น
รายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) และ (14)
แห่งประมวลรัษฎากร
ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการทำลายสินค้า
เลขที่หนังสือ : กค 0706/308
วันที่ : 15 มกราคม 2551
เรื่อง : ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการทำลายสินค้า
ข้อกฎหมาย : มาตรา 65 ตรี และมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ :
บริษัท ค. ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารธัญพืช โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้
1. บริษัทฯ ได้ตรวจนับสินค้าคงเหลือ ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2549 พบว่า มีสินค้าเน่าเสียจำนวนหนึ่ง และไม่สามารถ
นำออกขายได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ ได้ตรวจนับสินค้าคงเหลือ จึงพิจารณา
รายการสินค้าคงเหลือที่ชำรุดเสียหาย
2. บริษัทฯ ได้ย้ายสถานประกอบการเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2550 บริษัทฯ ตรวจพบว่ามีสินค้าที่อยู่ในสภาพที่ชำรุด
เสียหาย และเน่าเสียอีกจำนวนหนึ่งฝ่ายโรงงานจึงเสนอให้มีการทำลายสินค้าที่ชำรุด เสียหาย และเน่าเสีย ซึ่งไม่
สามารถจำหน่ายได้บริษัทฯ จึงขอทราบว่า กรณีบริษัทฯ ทำลายสินค้าที่ชำรุด เสียหาย และเน่าเสียดังกล่าว บริษัทฯ จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และบริษัทฯ จะนำมาถือเป็นรายจ่ายได้หรือไม่
แนววินิจฉัย :
กรณีสินค้าเน่าเสียเสื่อมชำรุด เสื่อมคุณภาพ หรือล้าสมัย ที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้หากบริษัทฯ ได้ทำลายสินค้าซึ่งชำรุดบกพร่องนั้นตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนดแล้ว ไม่ถือเป็นการขายสินค้า ตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าสินค้า ที่ได้ทำลาย และบริษัทฯ มีสิทธิตัดต้นทุนที่เหลือเป็นรายจ่ายได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อได้รับอนุมัติให้ทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้ทำลายสินค้าแล้วให้มีบุคคลอย่างน้อยประกอบด้วย ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขาย หรือฝ่ายตรวจสอบ (ถ้ามี) ร่วมสังเกตการณ์ และลงลายมือชื่อเป็นพยานใน การทำลายเพื่อใช้เป็น หลักฐานในการบันทึกบัญชี พร้อมทั้งเชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรร่วมเป็นพยานในการทำลายก็ได้