Deferred Tax ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี

Deferred Tax ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี

         การเข้าใจ Deferred Tax หรือ ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีมีความสำคัญในการบริหารกิจการของคุณ. ทราบถึงเนื้อหาที่สำคัญและคำจำกัดความเพื่อเตรียมตัวก่อนการทำความเข้าใจเรื่องนี้.

         รายได้ของกิจการเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินกิจการ. การที่มีรายได้จะเกิดความรับผิดชอบทางภาษี, คุณจำเป็นต้องทราบถึงกระบวนการจัดทำบัญชีอย่างเพียงพอเพื่อคำนวณภาษีอย่างถูกต้อง.

         ตระหนักรู้ถึงภาระทางภาษีเป็นขั้นตอนสำคัญ, และบทบาทที่บัญชีเล่นหน้าในการยื่นรายงานต่อสรรพากร. ด้วยการทำบัญชีอย่างเป็นระบบ, คุณสามารถทราบถึงกำไรและขาดทุนของกิจการ, นำไปสู่การคำนวณภาษีที่ถูกต้อง.

          สรรพากรกำหนดเกณฑ์การรับรู้รายได้ ดังนี้

  1. เกณฑ์คงค้าง: ความสำคัญอยู่ที่การบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายในรอบการเงินต่างๆ โดยพิจารณารายได้ที่ต้องได้รับและค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย รายได้เกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าหรือบริการไม่ว่าเงินจะได้รับหรือยัง ส่วนค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเมื่อมีการใช้ทรัพยากรหรือได้รับบริการจากบุคคลอื่น โดยไม่ว่าจะจ่ายเงินหรือยัง

  2. เกณฑ์เงินสด: เป็นวิธีการบัญชีที่บันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายเมื่อมีการรับหรือจ่ายเงินจริง กิจการจะบันทึกรายได้หรือการขายเมื่อได้รับเงินสด ส่วนค่าใช้จ่ายจะไม่ถูกบันทึกไว้จนกว่าจะมีการจ่ายเงินสด

          การทราบเกณฑ์การบันทึกบัญชีทั้ง 2 เกณฑ์เป็นเพียงเรื่องแรก ขั้นตอนถัดไปสำหรับผู้ประกอบการคือการจัดทำรายงานการเงินตามมาตรฐานบัญชี เพื่อให้มีข้อมูลสำคัญสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้ และทำการคำนวณภาษีเงินได้ตามกำไรสุทธิที่ได้

  • กำไรทางบัญชี หมายถึง กำไรหรือขาดทุนสำหรับงวดก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้
  • ส่วนกำไร หรือ ขาดทุนทางภาษี หมายถึง กำไร หรือขาดทุน สำหรับงวดที่คำนวณตามเกณฑ์ที่หน่วยงานภาษีกำหนดเพื่อใช้คำนวณภาษีเงินได้ที่ต้องชำระหรือได้รับคืน รายได้
  • ภาษีเงินได้ หมายถึง ผลรวมของภาษีเงินได้ของงวดปัจจุบันและภาษีเงินได้ที่รอการตัดบัญชีที่ใช้ในการคำนวณกำไรหรือขาดทุนสำหรับงวดภาษีเงินได้ของงวดปัจจุบัน นี่คือจำนวนภาษีเงินได้ที่ต้องชำระหรือสามารถขอคืนได้ ซึ่งมาจากกำไรหรือขาดทุนทางภาษีสำหรับงวด หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีหมายถึงจำนวนภาษีเงินได้ที่กิจการต้องจ่ายในอนาคตซึ่งเกิดจากผลแตกต่างชั่วคราวที่ต้องเสียภาษี 
  • สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี หมายถึง จำนวนภาษีเงินได้ที่กิจการสามารถขอคืนได้ในอนาคตซึ่งเกิดจากการผลแตกต่างชั่วคราวที่ใช้หักภาษี, ขาดทุนทางภาษีที่ยังไม่ได้ใช้, และเครดิตภาษีที่ยังไม่ได้ใช้

          ภาษีเงินได้คือภาษีที่คำนวณจากกำไรของนิติบุคคล ซึ่งต้องยื่นรายงานภาษีทุกปีตามกฎหมายที่กำหนด การคำนวณภาษีนี้จะใช้ ‘เกณฑ์คงค้าง’.

          ในขั้นตอนการคำนวณภาษี, จะต้องปรับกำไรสุทธิทางบัญชีให้เป็นกำไรสุทธิทางภาษี เพราะมีเกณฑ์การรับรู้รายได้ที่แตกต่างกัน การแตกต่างนี้อาจทำให้บางรายการไม่ถูกบันทึกในงบการเงินที่เป็นปกติ

          วัตถุประสงค์ของมาตรฐานทำบัญชีและประมวลรัษฎากรมีความแตกต่างกัน ทำให้กำไรขาดทุนทางบัญชี และกำไรขาดทุนทางภาษี แยกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

ผลแตกต่างชั่วคราว (Temporary Differences)

         ผลแตกต่างชั่วคราว หมายถึง ความแตกต่างระหว่างมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์และหนี้สินที่แสดงในงบแสดงฐานะการเงิน กับฐานภาษีของสินทรัพย์และหนี้สินนั้น ผลแตกต่างชั่วคราวอาจจัดเป็นประเภทใดประเภทหนึ่งดังต่อไปนี้:

  • ผลแตกต่างชั่วคราวที่ต้องเสียภาษี หมายถึง ผลแตกต่างชั่วคราวที่กิจการต้องนำไปรวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไร (ขาดทุน) ทางภาษีสำหรับงวดอนาคตเมื่อกิจการได้รับประโยชน์จากมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์หรือจ่ายชำระมูลค่าตามบัญชีของหนี้สิน
  • ผลแตกต่างชั่วคราวที่ใช้หักภาษี หมายถึง ผลแตกต่างชั่วคราวที่กิจการสามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไร (ขาดทุน) ทางภาษีสำหรับงวดอนาคตเมื่อกิจการได้รับประโยชน์จากมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์หรือจ่ายชำระมูลค่าตามบัญชีของหนี้สิน

การรับรู้และการวัดมูลค่าหนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี และสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

        ขั้นตอนในการรับรู้หนี้สินภาษีเงินได้และสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีประกอบด้วยสองขั้นตอนหลัก:

  1. การพิจารณามูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์และหนี้สินแต่ละรายการของหน่วยงานที่ต้องเสียภาษีตามหลักการบัญชีของหน่วยงานที่ออกรายงาน เช่น บริษัท ก ที่มีการรายงานการเงินรวมตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินไทย แต่มีบริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ที่จัดทำงบการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินประเทศสิงคโปร์ บริษัทก็ต้องปรับปรุงมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์และหนี้สินแต่ละรายการของบริษัทย่อยให้เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินไทย เพื่อใช้ในการพิจารณาภาษีเงินได้ที่รอการตัดบัญชี

  2. การพิจารณาฐานภาษี ซึ่งคือสินทรัพย์และหนี้สินแต่ละรายการของหน่วยงานที่ต้องเสียภาษีที่รับรู้ตามหลักการ กฎเกณฑ์ และนโยบายทางภาษีอากรที่หน่วยงานนั้นใช้ ยกตัวอย่างเช่น ฐานภาษีของบริษัทย่อยที่เป็นมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินแต่ละรายการของบริษัทย่อยที่รับรู้ตามหลักการ กฎเกณฑ์ และนโยบายทางภาษีอากรที่บริษัทย่อยกำหนดไว้ 

  3. การเปรียบเทียบมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์และหนี้สินแต่ละรายการตามข้อ 1 และฐานภาษีของสินทรัพย์และหนี้สินแต่ละรายการตามข้อ 2 ที่แตกต่างกันเรียกว่าผลแตกต่าง
  4. การพิจารณาผลแตกต่างที่เกิดขึ้นตามข้อ 3 เพื่อดูว่าเป็นผลแตกต่างชั่วคราวหรือถาวร โดยพิจารณาว่าหากผลแตกต่างนั้นมีการกลับรายการในอนาคต (มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย รายได้ หรือภาษีเงินได้ในอนาคต) จะเป็นผลแตกต่างชั่วคราว แต่ถ้าไม่มีการกลับรายการจะเป็นผลแตกต่างถาวร

    ในตัวอย่างที่ 3 บริษัท ก มีการกำหนดค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือ 100 บาท แต่ตามหลักภาษีอากร ค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์ทางภาษี แต่จะเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดผลขาดทุนจริง ดังนั้นผลแตกต่างนี้จึงเป็นผลแตกต่างชั่วคราว เนื่องจากในอนาคต เมื่อกิจการมีการขายสินค้าดังกล่าว ผลขาดทุนจากการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือจะถูกยกเลิกการบันทึก

    ในตัวอย่างที่ 4 บริษัทย่อย ข ประกาศจ่ายเงินปันผลให้บริษัท ก ซึ่งบริษัท ก ได้บันทึกบัญชีเป็นเงินปันผลค้างรับในงบการเงิน แต่ตามหลักภาษีอากรที่บริษัท ก ปฏิบัติ บริษัท ก ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อรายได้ ภาษีเงินได้นิติบุคคล เนื่องจากเงินปันผลที่ได้รับมาจากบริษัทย่อย ข ซึ่งบริษัท ก ถือหุ้นทั้งหมดไม่ถือเป็นรายได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ในกรณีนี้ ผลแตกต่างดังกล่าวเป็นผลแตกต่างถาวร

        ผลแตกต่างชั่วคราวที่เกิดขึ้น เช่น

        • ค่าใช้จ่ายจากการตั้งสำรอง เช่น ค่าเผื่อหนี้ที่สงสัยจะสูญหาย, ค่าเสื่อมสภาพของสินค้า, การค้างจ่ายผลประโยชน์ของพนักงาน เป็นต้น

        • สัญญาเช่าทางการเงิน เช่น การชำระเงินงวด, ค่าเสื่อมราคา, ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย

        • เงินที่ได้รับล่วงหน้าซึ่งถือเป็นรายได้ทางภาษีเมื่อได้รับเงิน       

        • กำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการแปลงค่าเงินตราต่างประเทศที่เกิดจากความแตกต่างของสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจกับสกุลเงินที่ใช้ในการนำส่งภาษี

 

              5.  รับรู้สินทรัพย์และหนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจากผลแตกต่างชั่วคราวเท่านั้น โดยใช้อัตราภาษีสำหรับงวดที่กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี หรือในงวดที่กิจการคาดว่าจะต้องชำระหนี้สินภาษี โดยใช้อัตราภาษี (และกฎหมายภาษีอากร) ที่มีผลบังคับใช้อยู่ หรือที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในรอบระยะเวลาที่รายงาน หากกิจการต้องเสียภาษีในอัตราภาษีที่แตกต่างกันสำหรับรายได้ในแต่ละระดับ กิจการต้องวัดมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี โดยใช้อัตราภาษีเฉลี่ยที่คาดว่าจะต้องใช้กับรายได้หรือขาดทุนทางภาษี ในงวดที่กิจการคาดว่าจะมีการกลับรายการของผลแตกต่างชั่วคราวเท่านั้น

          ตัวอย่าง  เกี่ยวกับการพิจารณาอัตราภาษีสำหรับสินทรัพย์และรายได้นิติบุคคลที่มีการตัดบัญชีตามประมาณการหนี้สิน และผลประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการส่งเสริมการลงทุนของบริษัท ก จำนวน 1 โครงการ โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่ 1 มกราคม 2551 ถึง 31 ธันวาคม 2558 (อัตราภาษีสำหรับกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับการส่งเสริม ร้อยละ 0) และได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2559 ถึง 31 ธันวาคม 2563 (อัตราภาษีสำหรับกำไรสุทธิของกิจการที่ได้รับการส่งเสริม ร้อยละ 10) และอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลปกติ ร้อยละ 20 นอกจากนี้ สมมติว่าบริษัท ก มีผลแตกต่างชั่วคราวที่สามารถใช้หักภาษีได้ในอนาคต (สินทรัพย์ภาษีเงินได้) ในเรื่องของสารองผลประโยชน์ตอบแทนภายหลังเกษียณอายุ มีจำนวนเงิน 5 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 โดยผู้บริหารของบริษัท ก ประมาณการว่าจะมีการจ่ายผลตอบแทนภายหลังเกษียณอายุ ดังต่อไปนี้

 

ตารางจ่ายผลตอบแทนภายหลังเกษียณอายุ
ตารางจ่ายผลตอบแทนภายหลังเกษียณอายุ

          การพิจารณาใช้อัตราภาษีเพื่อคำนวณภาษีเงินได้ที่รอการตัดบัญชี จะพิจารณาโดยใช้อัตราภาษี สำหรับงวดที่กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์ภาษีเงินได้ที่รอการตัดบัญชี หรือในงวดที่กิจการคาดว่าจะจ่ายหนี้สินภาษี โดยใช้อัตราภาษี (และกฎหมายภาษีอากร) ที่มีผลบังคับใช้อยู่หรือที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในรอบระยะเวลาที่รายงาน ตัวอย่างเช่น อัตราภาษี (และกฎหมายภาษีอากร) ที่มีผลบังคับใช้อยู่ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 มีอัตรา ร้อยละ 0, ร้อยละ 15 และร้อยละ 20 สำหรับธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และอัตราภาษีร้อยละ 20 สำหรับธุรกิจที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (Non-BOI) การพิจารณาใช้อัตราภาษีเพื่อคำนวณภาษีเงินได้ที่รอการตัดบัญชี จะต้องมีการประมาณการการกลับรายการของสารองผลประโยชน์ตอบแทนภายหลังเกษียณอายุ ในจำนวน 5 ล้านบาท (การจ่ายเงินเมื่อเกษียณอายุ) โดยกิจการจะต้องประมาณการการกลับรายการแยกตามธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และธุรกิจที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (Non-BOI) เนื่องจาก อัตราภาษีของแต่ละประเภทไม่เท่ากัน

ตารางการคำนวณภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีของกิจการ BOI แสดงถึงอัตราภาษีที่ใช้ในแต่ละช่วงเวลาของการกลับรายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
ตารางการคำนวณภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีของกิจการ BOI
ตารางการคำนวณภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีของกิจการ BOI

ผลแตกต่างถาวร (Permanent Differences)

          ผลแตกต่างถาวร (Permanent Differences) คือ ผลแตกต่างระหว่างกำไร(ขาดทุน)ทางบัญชีกับกำไรหรือขาดทุนทางภาษีโดยถาวร กล่าวคือรายได้ที่รับรู้ในทางหนึ่ง ไม่สามารถถูกรับรู้อีกทางหนึ่งได้โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการตัดบัญชีหรือรายการที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนในบัญชีภาษีเงินได้หรือบัญชีบัญชีทั้งสองในทางบัญชีเสมือนหรือแตกต่างกัน

       ผลแตกต่างถาวร เช่น

  • ค่าใช้จ่ายที่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ของประมวลรัษฎากร เช่น o ค่าเช่ารถที่เกิน 36,000 บาทต่อเดือน
  • ค่าเสื่อมราคารถยนต์ที่เกินมูลค่าต้นทุน 1 ล้านบาท
  • ค่าเลี้ยงรับรองที่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
  • ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ เช่น ค่าใช้จ่ายส่วนตัว, ค่าใช้จ่ายที่ไม่มีภาระผูกพันที่ต้องจ่าย
  • รายจ่ายที่ไม่มีเอกสารหลักฐาน

    ผลแตกต่างถาวรนี้จะไม่ถือว่าเป็น “ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี” หรือค่าใช้จ่ายที่ถูกนับลงในบัญชีภาษีเงินได้

ผลขาดทุนสุทธิทางภาษีที่ยังไม่ได้นำไปใช้ (Tax Loss Carryforwards)

          ผลขาดทุนสุทธิทางภาษีที่ยังไม่ได้นำไปใช้ (Tax Loss Carryforwards) จากงวดก่อนหน้าไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรทางบัญชีของงวดปัจจุบัน แต่ผลขาดทุนสุทธิทางภาษีที่ยังไม่ได้นำไปใช้สามารถหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรทางภาษีของงวดปัจจุบันได้ โดยต้องไม่เกิน 5 ปีก่อนรอบบัญชีปีปัจจุบัน และผลแตกต่างถาวรนี้จะไม่ถือว่าเป็น ‘ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (Deferred Tax)

         ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Deferred Tax) หมายถึง ผลแตกต่างชั่วคราวระหว่างค่าใช้จ่ายหรือรายได้ทางบัญชีกับค่าใช้จ่ายหรือรายได้ทางภาษีเงินได้ของงวดปัจจุบัน ซึ่งความแตกต่างนี้อาจเปลี่ยนแปลงเป็นการตรงข้ามกันในอนาคต ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีเป็นรายการบัญชีที่ถูกระบุในงบแสดงฐานะการเงิน ซึ่งอาจทำให้กิจการมีกำไรทางภาษีที่ต้องจ่ายหรือขาดทุน ค่าใช้จ่ายทางภาษีที่ประหยัดได้ ประเภทของภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ

  • สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Deferred Tax Assets) เป็นสินทรัพย์ที่บริษัทสามารถขอคืนภาษีเงินได้ในอนาคต ซึ่งมาจากผลแตกต่างชั่วคราวที่ใช้ในการหักภาษี ขาดทุนทางภาษีที่ยังไม่ถูกนำไปใช้ หรือเครดิตภาษีที่ยังไม่ได้นำไปใช้ โดยคูณด้วยอัตราภาษี นอกจากนี้ สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชียังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ลดภาระภาษีในอนาคต
  • หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Deferred Tax Liabilities) เป็นจำนวนภาษีเงินได้ที่กิจการต้องชำระในอนาคต โดยเกิดจากผลแตกต่างชั่วคราวที่ต้องเสียภาษี ซึ่งคำนวณจากการคูณกับอัตราภาษี หรือเรียกได้ว่าเป็นผลต่างชั่วคราวที่จะส่งผลให้ต้องจ่ายภาษีมากขึ้นในอนาคต
สินทรัพย์ หนี้สิน
สินทรัพย์ หนี้สิน

          สำนักงานบัญชีมีบทบาทสำคัญในการบริหารการเงินและบัญชีของธุรกิจ ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่และบทบาทของสำนักงานบัญชีช่วยให้คุณเข้าใจว่าทำไมคุณควรจ้างบริการบัญชีจากเอซีซี คอนซัลติ้ง จำกัด เพื่อการบริหารการเงินของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ. ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ เรามีทีมงานคุณภาพที่พร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกขั้นตอนของการบริหารการเงินของคุณ.

       สามารถติดต่อบริษัทของเราได้ตามช่องทางด้านล่างได้เลยนะค่ะ 

         ✅ โทร 📞 02-114-7715
         ✅ Web 🌐 https://www.accconsultingservice.com/
         ✅ Inbox 📩 http://m.me/100581915340875
         ✅ Line 📱 https://lin.ee/PhD3G7F
         ✅ Mail 📧 [email protected]
Facebook
Twitter
Pinterest

ความรู้/ข่าวสารที่คุณอาจสนใจ

By clicking “Accept”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts. Privacy Policy

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า