💡 เปิดคลินิกทั้งที อย่าพลาดเรื่อง “บัญชี”
เจ้าของคลินิกหลายคนเริ่มต้นจาก “แพทย์ผู้มีฝีมือ” แต่เมื่อต้องมาดูเรื่องตัวเลขและภาษี กลับพบว่านี่คือ “อีกโลกหนึ่ง” ที่ซับซ้อนกว่าที่คิด — ไม่ว่าจะเป็นรายรับจากค่ารักษา, รายจ่ายค่าวัสดุ, ค่าพนักงาน, หรือแม้แต่การออกใบกำกับภาษี สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องจัดการให้ถูกต้องตั้งแต่วันแรก เพราะ “บัญชีคลินิก” เป็นรากฐานสำคัญของธุรกิจ หากวางระบบบัญชีผิดตั้งแต่ต้น อาจต้องเสียเวลาย้อนแก้ทั้งปี หรือแย่กว่านั้นคือ “โดนเรียกตรวจภาษีย้อนหลัง” ได้เลยค่ะ
📘 ทำไมคลินิกต้องมี “ระบบบัญชีเฉพาะทาง”
คลินิกมีลักษณะธุรกิจเฉพาะที่ต่างจากร้านค้าออนไลน์หรือโรงงาน เช่น
รายได้มักมาจาก หลายช่องทาง (ค่ารักษา, คอร์ส, โปรโมชั่น, หรือแพ็กเกจ)
มีทั้งรายรับที่ออกใบกำกับภาษี และรายรับที่ไม่ต้องเสีย VAT
มี “ต้นทุนแฝง” เช่น เวชภัณฑ์, ค่าเครื่องมือแพทย์, ค่าเช่าพื้นที่ และค่าจ้างแพทย์ร่วม
ดังนั้น ระบบบัญชีคลินิกที่ดีต้องสามารถแยกและจัดการข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้แพทย์เจ้าของกิจการเห็น “ภาพรวมทางการเงิน” แบบเรียลไทม์
🧾 กฎหมายและภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคลินิก
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
คลินิกทั่วไปมักได้รับการยกเว้น VAT (ตามมาตรา 81)
แต่ถ้ามีการขายสินค้า เช่น ครีมบำรุง หรืออาหารเสริม ต้องแยกบัญชีรายได้และภาษีให้ชัดเจน
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา / นิติบุคคล
หากจดทะเบียนในนาม “คลินิกการแพทย์” ที่เป็นบริษัท ต้องยื่นภาษี PND.50 / 51
ถ้าเป็นในนาม “แพทย์” ต้องยื่น PND.90 / 91 ตามประเภทรายได้ มาตรา 40(1), 40(2), หรือ 40(6)
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (PND.3 / 53)
เมื่อคลินิกจ่ายค่าจ้างแพทย์ร่วม หรือผู้รับเหมาภายนอก ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ถูกประเภท
ประกันสังคมและภาษีเงินเดือน (PND.1)
หากมีพนักงานประจำ ต้องส่งรายงานภาษีและประกันสังคมทุกเดือน
💬 เจ้าของคลินิกหลายคนมักเข้าใจผิดว่าภาษีเหล่านี้ “ทำทีเดียวตอนสิ้นปี” แต่ความจริงคือ ต้องจัดการรายเดือนและบันทึกบัญชีให้ถูกตั้งแต่ต้นค่ะ
⚙️ เริ่มต้นระบบบัญชีคลินิกอย่างไรให้ถูกต้อง
เลือกโปรแกรมบัญชีที่เหมาะกับคลินิก
โปรแกรมอย่าง Peak Account ช่วยให้บันทึกรายได้จากหลายช่องทางได้อัตโนมัติ
ทั้งค่ารักษา, รายได้จากคอร์ส, หรือสินค้าขายหน้าคลินิก
และสามารถออกรายงานสรุปต้นทุน – กำไรได้แบบเรียลไทม์แยกบัญชีรายรับ–รายจ่ายให้ชัดเจน
อย่าผสมเงินส่วนตัวกับเงินคลินิก เพราะจะทำให้การยื่นภาษีผิดพลาดได้ง่ายบันทึกค่าใช้จ่ายจริงทุกเดือน
เช่น ค่าเช่า, ค่าพนักงาน, ค่าเวชภัณฑ์, ค่าไฟ, ค่าน้ำ, ค่าโฆษณา
ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นฐานในการวางแผนภาษีปลายปีจัดทำรายงานการเงินอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ต้องรอสิ้นปี — เจ้าของคลินิกควรดูรายงานสรุปกำไร–ขาดทุนอย่างน้อยเดือนละครั้ง
โปรแกรม Peak Account สามารถช่วยให้เห็นตัวเลขทันทีผ่าน Dashboard
🧑💼 ทำไมเจ้าของคลินิกควรมี “ที่ปรึกษาบัญชีและภาษีเฉพาะทาง”
การมีผู้เชี่ยวชาญดูแลตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยให้คลินิก:
✅ บัญชีถูกต้องตามกฎหมาย
✅ ลดความเสี่ยงจากการถูกตรวจภาษีย้อนหลัง
✅ ประหยัดเวลา และมุ่งโฟกัสที่การให้บริการลูกค้า
✅ ใช้ข้อมูลบัญชีช่วยวางแผนขยายสาขาในอนาคตได้ง่าย
ทีม เอซีซี คอนซัลติ้ง จำกัด มีประสบการณ์ดูแลบัญชีและภาษีให้กับคลินิกมากมาย และใช้ระบบ Peak Account เป็นเครื่องมือหลักในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน เพื่อให้เจ้าของคลินิกสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจในทุกขั้นตอนค่ะ
🌟 สรุป
⌈“บัญชีคลินิกที่ดี ไม่ใช่แค่ยื่นภาษีถูก แต่ต้องช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้จริง”⌋
เริ่มต้นคลินิกของคุณอย่างมั่นใจด้วยการวางระบบบัญชีที่ถูกต้อง และให้ผู้เชี่ยวชาญจาก ACC Consulting ดูแลตั้งแต่วันแรก เพราะเราเข้าใจธุรกิจคลินิกมากกว่าคนทำบัญชีทั่วไป
📞 ติดต่อเรา: 02-114-7715
🌐 www.accconsultingservice.com
💻 พร้อมระบบบัญชี Peak Account สำหรับธุรกิจคลินิกโดยเฉพาะ


