หลังจากรัฐบาลประกาศเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่ง พลัส (Co-payment Plus)” เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน ร้านอาหารและธุรกิจบริการทั่วประเทศก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง 🎉
แต่ในมุมของ เจ้าของร้านอาหาร สิ่งที่ต้องคิดให้รอบไม่ใช่แค่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าที่ใช้สิทธิ์เท่านั้น แต่คือ “จะทำบัญชี – ภาษีของรายได้นี้ยังไงให้ถูกต้อง และไม่โดนเรียกตรวจย้อนหลัง”
วันนี้ ACC Consulting จะมาช่วยอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า
⌈ ถ้าร้านคุณเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ต้องบันทึกบัญชีอย่างไร?
รายได้จากรัฐถือเป็นรายได้หรือไม่?
และภาษีที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง? ⌋
💡 1. ทำความเข้าใจโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ก่อน
โครงการคนละครึ่ง พลัส (Co-payment Plus)
เป็นมาตรการของรัฐบาลใหม่ที่จะออกมาในปี 2568–2569 โดยรัฐช่วยจ่ายค่าซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และบริการให้ประชาชนบางส่วน ส่วนที่เหลือประชาชนจ่ายเองผ่านแอป เป๋าตัง
👉 ซึ่งรูปแบบคล้ายกับ “คนละครึ่ง” เดิม แต่ ขยายวงเงินและประเภทธุรกิจ ที่เข้าร่วมมากขึ้น โดยร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบริการทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้
💬 จุดสำคัญคือ ร้านค้าต้อง “จดทะเบียนนิติบุคคลหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)” และ “รับชำระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (PromptPay)”
📊 2. รายได้จาก “คนละครึ่ง พลัส” ต้องบันทึกบัญชียังไง?
ร้านอาหารที่เข้าร่วมจะได้รับเงิน 2 ส่วนต่อการขาย 1 ครั้ง:
ส่วนที่ลูกค้าจ่ายเอง ผ่านแอป เป๋าตัง
ส่วนที่รัฐสมทบ (Co-payment) โอนเข้าบัญชีร้าน
💡 ดังนั้นยอดขายเต็มจำนวนต้องถือเป็น “รายได้ของกิจการ” ทั้งหมด แม้ว่าจะได้รับจาก 2 แหล่ง (ลูกค้า + รัฐ) ก็ตาม
ตัวอย่าง:
ลูกค้าซื้ออาหาร 200 บาท
จ่ายเอง 100 บาท
รัฐสมทบ 100 บาท
👉 รายได้ของร้านคือ 200 บาทเต็ม
การบันทึกบัญชีใน Peak Account:
รายได้รวม 200 บาท
แยกบัญชีลูกค้า 100 บาท และเงินจากรัฐ 100 บาท
แสดงในงบรายได้รวม → ตรงกับยอดขายที่ออกใบเสร็จ
✅ ทำแบบนี้จะทำให้ยอดขายตรงกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และงบการเงิน
🧾 3. ภาษีที่ร้านอาหารต้องระวังในโครงการนี้
เมื่อรายได้เพิ่ม ภาษีที่เกี่ยวข้องจะมี ส่วนหลัก ๆ คือ
3.1 ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
ถ้าร้านจด VAT อยู่แล้ว ยอดขายจากโครงการนี้ต้องรวมในยอดขายเพื่อคำนวณ VAT ตามปกติ เพราะถือเป็นการขายสินค้าจริง
📌 ห้ามตัดยอด “เงินสมทบจากรัฐ” ออกจากฐานภาษี
เพราะตามกฎหมายภาษี ถือว่าเป็นรายได้ของกิจการ
3.2 ภาษีเงินได้ (บุคคลธรรมดา / นิติบุคคล)
เมื่อถึงรอบยื่นภาษี รายได้ทั้งหมดจากโครงการนี้ ต้องถูกรวมในการคำนวณกำไรสุทธิด้วย โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาเป็นต้นทุนได้ เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าไฟ ค่าเช่า
💼 4. เอกสารและใบกำกับภาษีต้องครบ
ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการต้อง
ออก ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ สำหรับยอดขายที่ลูกค้าซื้อ
เก็บหลักฐานการโอนเงินจากรัฐผ่าน PromptPay
เก็บสำเนาเอกสารจากแอป เป๋าตัง (ถ้ามี)
💡 การใช้ Peak Account จะช่วยออกเอกสารเหล่านี้อัตโนมัติ รวมทั้งจัดเก็บข้อมูลในระบบ Cloud ปลอดภัย ค้นหาได้ง่าย
🔍 5. ทำไมร้านอาหารควรมี “ที่ปรึกษาบัญชีและภาษี”
เจ้าของร้านอาหารส่วนใหญ่โฟกัสที่ “รสชาติและยอดขาย” แต่ไม่ค่อยมีเวลาจัดการบัญชีและภาษีอย่างละเอียด ที่ปรึกษาบัญชีจะช่วยให้คุณ
วางระบบบัญชีให้รองรับโครงการรัฐ
จัดทำภาษีอย่างถูกต้องและทันเวลา
วิเคราะห์กำไรขาดทุนแบบเรียลไทม์ผ่าน Peak Account
เตรียมเอกสารยื่นภาษีได้ครบถ้วน
💬 “ขายดีจากโครงการรัฐ แต่ก็ต้องมีกำไรจริงหลังภาษี”
นี่คือเป้าหมายที่ ACC Consulting อยากช่วยให้ร้านอาหารทุกแห่งไปถึงค่ะ
✅ สรุป: เข้าร่วม “คนละครึ่ง พลัส” อย่างมั่นใจ ต้องเข้าใจบัญชี–ภาษีด้วย
โครงการคนละครึ่ง พลัสช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านอาหารจริง แต่ถ้าไม่รู้จักจัดการบัญชีและภาษีให้ถูกต้อง อาจต้องมาปวดหัวตอนตรวจงบหรือยื่นภาษีปลายปี เพราะฉะนั้น ร้านอาหารควร
บันทึกยอดขายเต็มจำนวน (รวมส่วนรัฐสมทบ)
ออกใบกำกับภาษีครบทุกบิล
ใช้ระบบ Peak Account จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล
ปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญบัญชี–ภาษีจาก ACC Consulting


