คลินิกเสริมความงาม VS ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

คลินิกเสริมความงาม VS ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

       ในยุคที่ความงามและการดูแลตนเองกำลังเป็นที่นิยม, ธุรกิจคลินิกเสริมความงามก็กลายเป็นอาชีพที่มีฐานลูกค้าและรายได้สูง. ไม่ว่าคุณจะเป็นแพทย์ที่เปิดคลินิกของตนเองหรือผู้ประกอบการทั่วไปที่เห็นโอกาสทางธุรกิจและตัดสินใจเริ่มต้นคลินิกเสริมความงาม, คำนึงถึงเรื่องบัญชีเป็นสิ่งที่จำเป็น.

เหตุผลที่คลินิกเสริมความงามต้องทำบัญชี:

  1. ข้อมูลการเงินที่ถูกต้อง: การบัญชีช่วยให้คุณติดตามรายได้และรายจ่ายของคลินิก. นอกจากนี้, มันช่วยในการจัดทำรายงานภาษีและประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างถูกต้อง.

  2. ประหยัดภาษี: การบัญชีช่วยให้คุณสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายและหักภาษีให้เหมาะสม. การจัดทำบัญชีตามจริงช่วยลดภาษีได้มากกว่าการหักแบบเหมา.

  3. การจัดการเอกสาร: คลินิกเสริมความงามมีเอกสารมากมายที่ต้องการจัดการ, รวมถึงใบแจ้งหนี้, ใบเสร็จ, และเอกสารทางภาษี. การบัญชีช่วยในการเก็บรักษาข้อมูลนี้อย่างปลอดภัย.

ขั้นตอนในการทำบัญชีคลินิกเสริมความงาม

  1. บันทึกรายได้และรายจ่าย: 

    การทำบัญชีคลินิกเสริมความงามไม่เพียงแค่เกี่ยวกับการบันทึกรายได้และรายจ่ายเท่านั้น มันต้องการความระมัดระวังและความรอบคอบในการจัดการทางการเงิน เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน นี่คือบางขั้นตอนที่ควรพิจารณาเมื่อทำบัญชีคลินิกเสริมความงามของคุณ:

    1.1. การบันทึกรายจ่ายสำหรับการทำบัญชีคลินิกเสริมความงาม:

    คลินิกเสริมความงามมีรายจ่ายหลายประการที่คุณต้องคำนึงถึง เริ่มต้นจากค่าแรงพนักงานที่ทำงานในคลินิก รวมถึงค่าเช่าร้านและค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในคลินิก. หากคลินิกมีแพทย์ประจำ, ค่าแรงจากการจ้างแพทย์ต้องถูกนำมาคำนวณตามอัตราภาษีก้าวหน้า.

    1.2. การจัดการกับภาษี ณ ที่จ่าย:

    ในกรณีที่คลินิกมีแพทย์ที่ได้รับเงินเดือน, คุณต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตามอัตราภาษีที่กำหนด. นอกจากนี้, คุณต้องลงทะเบียนประกันสังคมให้กับพนักงานภายใน 30 วันหลังจากรับงาน. การบันทึกเงินเดือนของพนักงานช่วยในการรวบรวมประวัติแพทย์และพนักงานอื่น ๆ สำหรับการประกันสังคมและการหักภาษี.

    1.3. การจัดการกับค่าคอมมิชชั่น:

    หากมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับ Sales ที่ทำการขายแพ็กเกจให้ลูกค้า, ค่าคอมมิชชั่นควรถูกนำมาคำนวณตามระยะเวลาที่ลูกค้าใช้บริการ. การบันทึกข้อมูลนี้ช่วยในการบริหารจัดการเรื่องการจ่ายค่าคอมมิชชั่นและเงินเดือนในทางภาษี.

    1.4. การจัดการกับสินค้าคงคลัง:

    สินค้าคงคลังที่ต้องใช้ในคลินิกเช่น วิตามิน, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์ เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ. เมื่อนำมาใช้งาน, การบัญชีต้องถูกทำให้สามารถเปลี่ยนเป็นรายจ่ายในกลุ่มต้นทุนขายของ.

    1.5. ความสำคัญของการบัญชีที่ถูกต้อง:

    การบัญชีที่ถูกต้องไม่เพียงแค่ช่วยในการประหยัดภาษีและป้องกันปัญหาทางกฎหมาย, แต่ยังช่วยในการบริหารจัดการทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ. จะเป็นประโยชน์ที่สูงให้กับคุณในการตัดสินใจทางธุรกิจและการวางแผนการเติบโตของคลินิกเสริมความงามของคุณ.

     

  2. จัดทำรายงานภาษี: จัดทำรายงานภาษีประจำเดือนหรือประจำไตรมาส. ตรวจสอบกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และหักภาษีตามกฎหมาย.

  3. ติดตามลูกหนี้: ติดตามการชำระเงินจากลูกค้าและออกใบแจ้งหนี้เพื่อค่าบริการ.

  4. จัดการเอกสาร: เก็บรักษาเอกสารทางธุรกิจอย่างปลอดภัยและติดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง.

Beauty Clinic VAT
Beauty Clinic VAT

คลินิกเสริมความงาม VS ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

  1. ในกรณีของคลินิกความงามที่ให้บริการการเสริมความงาม เช่น การรักษาหน้าผิวให้กระจ่างใส, การทำโบท็อกซ์, การเสริมความสวยงาม, การรักษาสิว, และการทำศัลยกรรมตกแต่ง โดยมีแพทย์ประจำคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพแพทย์ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจรักษาผู้ป่วย, สั่งจ่ายยา, และมีการจ้างงานผู้ช่วยแพทย์อยู่ด้วย คลินิกดังกล่าวจะมีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ฌ) ของประมวลรัษฎากร โดยไม่สามารถยื่นคำขอจดทะเบียน VAT ได้ เมื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะถูกหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาในอัตราภาษีร้อยละ 60 ของรายได้ทั้งหมดที่ได้รับ
  2. ในกรณีที่คลินิกไม่ได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการสถานพยาบาล (หรือหากมีการละเมิดกฎหมายอื่นๆ) รายได้ที่ได้รับจะถูกนับเป็นรายได้ที่อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 40 (8) ของประมวลรัษฎากร ในกรณีนี้ การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องคำนวณหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมเท่านั้น และไม่สามารถยกเว้นการหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้

           หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาว่าเป็น ‘สถานพยาบาล’ ที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร (NON-VAT) ได้แก่พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ได้บัญญัตินิยามศัพท์คำว่า ‘สถานพยาบาล’ ไว้ดังนี้

           สถานพยาบาล หมายความว่า สถานที่รวมตลอดถึงยานพาหนะซึ่งจัดไว้เพื่อการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะการประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ หรือการประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม ทั้งนี้ โดยกระทำ เป็นปกติธุระ ไม่ว่าจะได้รับประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ แต่ไม่รวมถึงสถานที่ขายยาตามกฎหมายว่าด้วยยา ซึ่งประกอบธุรกิจการขายยาโดยเฉพาะ

  3. ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประกอบกิจการคลินิกความงามดังกล่าว คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจะเปรียบเทียบกับกรณีของบุคคลธรรมดา ดังนี้
    (1) หากได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการ ‘สถานพยาบาล’ ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 รายได้ดังกล่าวจะถูกยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1)(ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่สามารถยื่นคำขอจดทะเบียน VAT ได้
    (2) ในกรณีที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ ‘สถานพยาบาล’ (ยกเว้นการละเมิดกฎหมายอื่น) รายได้ที่ได้รับจะถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร และเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
  4. ในกรณีที่คลินิกมีรายได้จากการทำศัลยกรรมหน้าให้กระจ่างใส, การฉีดโบท็อกซ์, การเสริมความสวยงาม, การรักษาสิว, การใช้สารเติมเต็ม, การขายครีมสำหรับดูแลผิวหน้าหลังจากทำศัลยกรรม, รายได้จากการฉีดบำรุงด้วยวิตามิน, การล้างสารพิษ, การเข้ารักษาสิว, การฉีดสิว, การลดรอยสิว, การรักษาแผลจากสิว, การขายครีมบำรุง, การรักษาฝ้า, กระ, และรอยด่างดำ, และการขายอาหารเสริม ในกรณีที่รายได้ดังกล่าวเป็นผลจากการประกอบกิจการสถานพยาบาลตามกฎหมาย เมื่อดำเนินกิจการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด รายได้ดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (1) แห่งประมวลรัษฎากร แต่หากไม่ประกอบกิจการภายใต้กฎหมายสถานพยาบาล เช่น การขายอาหารเสริมโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ คลินิกจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
  5. สำหรับแพทย์ที่ประกอบกิจการในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น

    (1) หากเป็นลูกจ้างที่ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

    (2) หากได้รับเงินได้ขั้นต่ำโดยไม่มีการพิจารณาการรักษาพยาบาล เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร

    (3) หากได้รับเงินได้จากการเปิดคลีนิคในสถานพยาบาล เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร

ภาษี ธุรกิจสุขภาพ ทั้งฟิตเนส อาหารเสริม นวดหน้า นวดตัว เครื่องสำอาง

          สำหรับธุรกิจด้านสุขภาพ เช่น ฟิตเนส, อาหารเสริม, นวดหน้า, นวดตัว, เครื่องสำอางหรือสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล รายได้ที่ได้จากการประกอบธุรกิจดังกล่าวถือเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 40 (8) ของประมวลรัษฎากร และเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

  1. กรณีที่บุคคลธรรมดาประกอบกิจการ

    ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้สองครั้งต่อปี คือ

    • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารอบครึ่งปีภาษี ตามแบบ ภ.ง.ด.94 โดยต้องยื่นแบบสรุปรายการและชำระภาษีเงินได้ภายในเดือนกันยายนสำหรับเงินได้ในรอบสุดท้ายของปีกำหนด ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ประกอบการยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ถึงร้อยละ 60 ของเงินได้ หรือสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรได้

    • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารอบปีภาษี ตามแบบ ภ.ง.ด.90 โดยต้องยื่นแบบรายการและชำระภาษีเงินได้ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไปสำหรับเงินได้ในปีกำหนด ในกรณีนี้ จะต้องหักภาษีที่จ่ายตามแบบ ภ.ง.ด.94 ออกจากภาษีที่คำนวณได้ตามแบบ ภ.ง.ด.90

  2. กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประกอบกิจการ

    ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้สองครั้งต่อปี คือ

    • ภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบครึ่งรอบบัญชี ตามแบบ ภ.ง.ด.51 ภายใน 2 เดือนนับตั้งแต่วันครบ 6 เดือนของรอบระยะเวลาบัญชี ยกเว้นรอบบัญชีปีแรกและปีสุดท้ายที่มีระยะเวลาไม่ถึง 12 เดือน

    • ภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบปีรอบบัญชี ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภายใน 150 วันนับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี โดยจะต้องหักภาษีที่จ่ายตามแบบ ภ.ง.ด.51 ออกจากภาษีที่คำนวณได้ตามแบบ ภ.ง.ด.50

  3. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม

    รายได้จากการประกอบธุรกิจสุขภาพ เช่น ฟิตเนส, อาหารเสริม, นวดหน้า, นวดตัว, เครื่องสำอางหรือสมุนไพร เป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี โดยมีหน้าที่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ และออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อเมื่อส่งมอบสินค้าหรือได้รับการชำระเงิน ขึ้นอยู่กับกรณีการทำธุรกิจนั้นๆ

    ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนต้องจัดทำรายงานสินค้าและวัตถุดิบ สำหรับการขายสินค้าต้องรายงานภาษีขายและรายงานภาษีซื้อ และต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือนภาษี ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไม่ว่าจะมีรายได้จากการประกอบกิจการหรือไม่

บริการที่เอซีซี คอนซัลติ้ง จำกัด มอบให้โรงพยาบาลหรือคลินิกเสริมความงาม

  • บริการบัญชีและการเงิน: เรามีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดทำบัญชีทางการเงินและรายงานการเงินที่ถูกต้องและครบถ้วน.
  • การปรึกษาและวางแผนการเงิน: เราช่วยให้โรงพยาบาลและคลินิกเสริมความงามมีการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ.
  • การตรวจสอบและประเมินความเสี่ยง: เราช่วยในการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินกิจการ.
  • บริการเสริม: เรามีบริการเสริมอื่นๆ เช่น การนำเอาระบบจัดการโรงพยาบาลหรือคลินิก (HIS) เข้ามาช่วยจัดการในธุรกิจ การจัดการการเงินให้เป็นระบบ และการอบรมพนักงานในด้านการบัญชีและการเงิน.

 

        สามารถติดต่อเราได้ตามช่องทางด้านล่างได้เลยนะค่ะ 

         ✅ โทร 📞 02-114-7715
         ✅ Web 🌐 https://www.accconsultingservice.com/
         ✅ Inbox 📩 http://m.me/100581915340875
         ✅ Line 📱 https://lin.ee/PhD3G7F
         ✅ Mail 📧 [email protected]
Facebook
Twitter
Pinterest

ความรู้/ข่าวสารที่คุณอาจสนใจ

By clicking “Accept”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts. Privacy Policy

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า